เข้าใจพลาสติกชีวภาพที่สลายตัวได้ทางชีวภาพอย่างแท้จริง

8 เม.ย. 2568


นวัตกรรมพลาสติกชีวภาพ ประเภทพลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนเพื่อบรรเทาปัญหาขยะพลาสติก ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าสำคัญในอุตสาหกรรมพลาสติก และเป็นหนึ่งในโซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะและส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

พลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ จะสลายตัวได้สมบูรณ์ในสภาวะการหมักที่เหมาะสม

 

1. พลาสติกชีวภาพและพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ : เข้าใจความแตกต่าง

1.1 พลาสติกชีวภาพ (Bioplastic)

พลาสติกชีวภาพ หรือไบโอพลาสติก (Bioplastic) คือพลาสติกที่มีคุณสมบัติพิเศษกว่าพลาสติกทั่วไป แบ่งเป็น 3 กลุ่ม

     1. พลาสติกชีวภาพที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ แต่ไม่สามารถสลายตัวได้ทางชีวภาพ

พลาสติกกลุ่มนี้ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติที่หมุนเวียนได้ เช่น แป้งมันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด เช่น Bio-PE, Bio-PET ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเมื่อเทียบกับพลาสติกจากปิโตรเลียม

     2. พลาสติกชีวภาพที่สลายตัวได้ทางชีวภาพแต่อาจผลิตจากปิโตรเลียม

พลาสติกกลุ่มนี้ เช่น PBAT, PCL มีโครงสร้างโมเลกุลที่จุลินทรีย์สามารถย่อยสลายได้ แม้ว่าจะผลิตจากวัตถุดิบฟอสซิล

     3. พลาสติกชีวภาพที่ทั้งผลิตจากธรรมชาติและสลายตัวได้ทางชีวภาพ

พลาสติกกลุ่มนี้เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เช่น PLA, Bio PBS ช่วยลดทั้งการใช้ทรัพยากรฟอสซิลและปัญหาขยะพลาสติกตกค้าง

 

1.2 พลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ (Compostable Plastic)

พลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ (Compostable Plastic) คือพลาสติกสามารถสลายตัวได้ในสภาพแวดล้อมที่มีระดับความชื้น อุณหภูมิ และปริมาณจุลินทรีย์เหมาะสม เช่น PLA, PBS, PBAT, และ PHA

โดยพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพต้องมีคุณสมบัติดังนี้

  • สลายตัวได้สมบูรณ์ในสภาวะการหมักที่เหมาะสม โดยต้องมีความชื้น อุณหภูมิ และปริมาณจุลินทรีย์ที่เพียงพอ
  • เป็นไปตามมาตรฐาน เช่น มอก. 17088 ซึ่งกำหนดเงื่อนไขการทดสอบและระยะเวลาในการสลายตัวที่ชัดเจน
  • ไม่ทิ้งไมโครพลาสติกและสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตหรือตกค้างในสิ่งแวดล้อม แตกต่างจากพลาสติกออกโซ หรือพลาสติกแตกสลายได้ชนิดออกโซ (OXO Degradable Plastics) ที่เพียงแตกตัวเป็นชิ้นเล็กลง
  • กลายเป็นน้ำ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมวลชีวภาพที่ปลอดภัย ผ่านกระบวนการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์

 

ความแตกต่างระหว่างพลาสติกที่ย่อยสลายได้จริงและการโฆษณาเกินจริง

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง จำเป็นต้องทราบว่าในตลาดมีการใช้คำโฆษณาที่สร้างความสับสน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่า "ย่อยสลายได้" แต่มีคุณสมบัติและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน อย่างเช่น พลาสติกออกโซ ข้อมูลต่อไปนี้จะช่วยให้เข้าใจถึงอันตรายที่อาจเกิดจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

 

2. อันตรายจากพลาสติกออกโซและไมโครพลาสติก

พลาสติกชนิดออกโซ (OXO Degradable) : มีการเติมสารเร่งให้พลาสติกแตกสลาย แต่เป็นเพียงการแตกตัวเป็นชิ้นเล็กลงจนเกิดเป็นไมโครพลาสติก และไม่ได้ย่อยสลายอย่างสมบูรณ์ทางชีวภาพ

ผลกระทบของไมโครพลาสติก

  • ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม กำจัดยาก เนื่องจากมีขนาดเล็กมาก ทำให้ไม่สามารถกรองออกได้ด้วยวิธีการปกติ
  • ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ สัตว์น้ำกินไมโครพลาสติกเข้าไปโดยเข้าใจผิดว่าเป็นอาหาร
  • กระทบต่อระบบการหายใจ การย่อยอาหาร การสืบพันธุ์ ในสิ่งมีชีวิตหลายชนิด
  • มีการปนเปื้อนเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ ผ่านอาหารทะเล น้ำดื่ม และอากาศ

 

3. กลไกการย่อยสลายพลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง

การแตกสลายทางชีวภาพ คือกระบวนการที่สารอินทรีย์ถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ เป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ และสารปรับปรุงดิน

ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการย่อยสลาย

การย่อยสลายพลาสติกชีวภาพ ต้องการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยมีปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพและระยะเวลาในการสลายตัว ดังนี้

  • ชนิดของวัสดุ โครงสร้างทางเคมีและความซับซ้อนของโมเลกุล
  • ความร้อน ความชื้น และจุลินทรีย์ เป็นปัจจัยสำคัญต่อประสิทธิภาพการย่อยสลาย

มาตรฐานสำคัญเกี่ยวกับการย่อยสลายพลาสติก

เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์พลาสติกที่อ้างว่า "ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ" มีคุณสมบัติตามที่กล่าวจริง หลายประเทศได้กำหนดมาตรฐานที่ชัดเจนเพื่อตรวจสอบและรับรอง โดยมาตรฐานเหล่านี้กำหนดทั้งระยะเวลาและเงื่อนไขในการย่อยสลาย รวมถึงความเป็นพิษต่อพืชและสิ่งแวดล้อม และมาตรฐานสำคัญที่ควรรู้จัก ได้แก่

  • มาตรฐานในไทย: มอก. 17088-2562 สำหรับพลาสติกที่สลายตัวได้ด้วยกระบวนการหมัก
  • มาตรฐานในต่างประเทศ: ASTM D6400 (สหรัฐฯ), EN13432 (ยุโรป), AS 4736 (ออสเตรเลีย)

 

พลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพผลิตเป็นช้อนส้อมแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

 

4. การเลือกใช้พลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพและการกำจัดอย่างถูกวิธี

การใช้งานที่เหมาะสม

พลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพ เหมาะกับใช้ผลิตเป็น

  • บรรจุภัณฑ์ใส่อาหารใช้ครั้งเดียวทิ้ง เช่น ถ้วย จาน ช้อนส้อม แก้ว
  • ถุงขยะอินทรีย์ ที่สามารถหมักรวมไปกับเศษอาหาร
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะตกค้างในสิ่งแวดล้อม

 

การกำจัดที่ถูกต้อง

การกำจัดพลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพอย่างถูกต้อง ควรหมักรวมกับขยะอินทรีย์อื่น ๆ แบ่งเป็น

  • การหมักแบบอุตสาหกรรม (Industrial Compostable) ที่อุณหภูมิประมาณ 58°C ขึ้นไป ความชื้นสัมพัทธ์ 90% ขึ้นไป ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน
  • การหมักที่บ้าน (Home Compostable) ที่อุณหภูมิ 25°C ขึ้นไป ความชื้นสัมพัทธ์ 50-60% ใช้เวลาประมาณ 12 เดือน

 

ตราสัญลักษณ์และการรับรอง

ตราสัญลักษณ์และการรับรองพลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพ จะช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าเป็นพลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพจริง และช่วยให้การคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดปัญหาการ "ฟอกเขียว" (Greenwashing) หรือการกล่าวอ้างว่าเป็นวัสดุรักษ์โลกเกินจริง

โดยตราสัญลักษณ์และการรับรองพลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพ มีหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น

  • DIN CERTCO (เยอรมนี) มาตรฐานรับรองที่เข้มงวดระดับโลก
  • Biodegradable Products Institute (สหรัฐฯ) รับรองผลิตภัณฑ์ในอเมริกาเหนือ
  • สมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย (TBIA) รับรองผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย
  • ตราสัญลักษณ์ GC Compostable Label ฉลากที่บ่งบอกว่าสินค้า หรือบรรจุภัณฑ์นั้นผลิตจากเม็ดไบโอพลาสติกที่สามารถสลายตัวได้ทางชีวภาพ (Compostable plastics) ที่กลุ่มบริษัท GC ผลิตหรือรับรอง

 

5. ความท้าทายและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

แม้ว่าพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพจะเป็นนวัตกรรมที่มีประโยชน์ แต่การขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืนยังมีความท้าทายที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไข เพื่อให้การใช้นวัตกรรมเหล่านี้เกิดประโยชน์สูงสุด

ปัญหาที่พบในปัจจุบัน

การใช้พลาสติกชีวภาพยังประสบกับอุปสรรคหลายประการที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะประเด็นเหล่านี้

  • ความสับสนในการเลือกใช้งาน ผู้บริโภคยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับความแตกต่างของพลาสติกแต่ละประเภท
  • ขาดการกำกับดูแล ในหลายประเทศยังขาดกฎระเบียบที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้คำว่า "ย่อยสลายได้"
  • การฟอกเขียว (Greenwashing) บริษัทบางแห่งสร้างภาพลักษณ์ว่าผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเกินจริง

 

5 หลักการสู่การใช้พลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

การแก้ไขปัญหาพลาสติกอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องมีแนวทางที่ครอบคลุมและเป็นระบบ โดยยึดหลัก 5 ประการที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ทั้งในระดับบุคคล ธุรกิจ และนโยบายสาธารณะ

  1. ลดการใช้ (Reduce) การเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือการลดการบริโภคที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง การเลือกซื้อสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์น้อย หรือการนำภาชนะส่วนตัวไปซื้อสินค้าเป็นการลดขยะตั้งแต่ต้นทาง
  2. หมุนเวียน (Renewable) การสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่สามารถปลูกทดแทนได้ เช่น พืชเกษตร แทนการใช้วัตถุดิบจากฟอสซิลที่มีจำกัด นอกจากลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ภาคเกษตรกรรมอีกด้วย
  3. กลับมาใช้ใหม่ (Reuse) การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความแข็งแรงทนทาน สามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง แทนการผลิตแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรและลดปริมาณขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. รีไซเคิล (Recycle) การพัฒนาระบบจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้รีไซเคิลได้ง่าย ไม่มีการผสมวัสดุหลายชนิดที่แยกออกจากกันยาก จะช่วยให้วัสดุมีค่าถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์ต่อไปได้
  5. สลายตัวได้ทางชีวภาพ (Compostable) การใช้วัสดุที่สามารถสลายตัวได้ทางชีวภาพสำหรับผลิตภัณฑ์เฉพาะที่ยากต่อการรีไซเคิล หรือมีความเสี่ยงสูงที่จะตกค้างในสิ่งแวดล้อม เช่น ถุงเก็บขยะอินทรีย์ บรรจุภัณฑ์อาหารที่ปนเปื้อน จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

 

6. นวัตกรรมพลาสติกชีวภาพ ประเภทพลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพจาก GC

เทคโนโลยีการผลิตพลาสติกชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

GC ใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการพัฒนาพลาสติกชีวภาพที่สลายตัวได้ โดยใช้วัตถุดิบจากพืชที่ปลูกในประเทศไทย เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ซึ่งช่วยสนับสนุนเกษตรกรไทยและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานที่หลากหลาย

ผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพของ GC เหมาะกับการใช้งานหลายประเภท ทั้งบรรจุภัณฑ์อาหาร ถุงขยะอินทรีย์ บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ต่าง ๆ

การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์

GC ประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment) จากงานวิจัยพบว่า พลาสติกชีวภาพประเภทสลายตัวได้ทางชีวภาพของ GC สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 50% เมื่อเทียบกับพลาสติกทั่วไป

 

นวัตกรรมพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ เป็นทางเลือกสำคัญในการแก้ปัญหาขยะพลาสติก เมื่อร่วมกับหลักการใช้พลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีตราสัญลักษณ์และมาตรฐานรับรองที่น่าเชื่อถือจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

GC คือผู้นำด้านการผลิตพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพคุณภาพสูง ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและลดปริมาณขยะพลาสติก หากสนใจผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพจากโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ GC หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถกรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของ GC ติดต่อกลับได้ทันที

 

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. พลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2568 จาก https://www.mtec.or.th/bio-plastic/plastics-degradation/biodegradable-plastic.html 
  2. พลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2568 จาก http://otop.dss.go.th/index.php/en/knowledge/informationrepack/394-biodegradable-plastics?showall=1&limitstart=